เบื้องหลัง ของ ฌาน ดาร์ก

ฝรั่งเศสเมื่อฌาน ดาร์กเริ่มมีบทบาท เส้นไข่ปลาคือปารีสที่อยู่ใจกลางบริเวณการควบคุมของอังกฤษในเบอร์กันดี แรงส์อยูทางตะวันออกเฉียงเหนือของบริเวณนี้

นักประวัติศาสตร์เคลลี เดวรีส์ (Kelly DeVries) บรรยายช่วงเวลาก่อนหน้าการปรากฏตัวของฌานว่า “ถ้าจะมีสิ่งใดที่จะยับยั้งฌานสิ่งนั้นก็เห็นจะเป็นสถานะการณ์อันเลวร้ายของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1429” สงครามร้อยปีเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1337 เมื่อฝ่ายอังกฤษอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ฝรั่งเศส (prétentions anglaises au trône français) โดยมีช่วงที่มีความสันติเป็นระยะๆ การต่อสู้ส่วนใหญ่ของสงครามครั้งนี้เกิดขึ้นในฝรั่งเศส ฝ่ายอังกฤษใช้กลวิธี "Chevauchée" (ที่คล้ายคลึงกับ "Scorched earth") เพื่อเป็นการบ่อนทำลายเศรษฐกิจของฝรั่งเศส ซึ่งขณะนั้นประชากรของฝรั่งเศสก็ยังไม่ฟื้นตัวจากกาฬโรคที่ระบาดในยุโรปของคริสต์ศตวรรษก่อนหน้านั้น และพ่อค้าก็ถูกตัดโอกาสจากการค้าขายกับตลาดต่างประเทศ เมื่อฌานเริ่มเข้ามามีบทบาทอังกฤษก็เกือบจะมีความสำเร็จในการปกครองสองอาณาจักรร่วมกันภายใต้การปกครองของอังกฤษ และทางฝ่ายฝรั่งเศสเองก็ไม่ได้รับชัยชนะที่เป็นจริงเป็นจังมาหลายชั่วคนแล้ว ดังเช่นที่เดวรีส์กล่าวว่า “ราชอาณาจักรฝรั่งเศสไม่มีอะไรหลงเหลือเป็นร่องรอยให้เห็นถึงความรุ่งเรืองที่เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13”[6]

ภาพวาดแสดงภาพฌานออฟอาร์คเข้าเฝ้าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7ฌานออฟอาร์คในยุทธการที่ออร์เลอองส์

พระมหากษัตริย์ของฝรั่งเศสเมื่อฌานเกิดคือพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 ผู้ที่ทรงมีอาการเสียพระสติเป็นพักๆ จนบางครั้งก็ไม่ทรงสามารถปฏิบัติพระราชภารกิจในการปกครองได้ พระอนุชาหลุยส์แห่งวาลัวส์ ดยุกแห่งออร์เลอองส์ และลูกพี่ลูกน้องของพระองค์จอห์นเดอะเฟียร์เลสส์ ดยุกแห่งเบอร์กันดีก็มักจะทะเลาะกันเรื่องการสำเร็จราชการของฝรั่งเศสและในเรื่องที่ผู้ใดสมควรที่จะมีหน้าที่คุ้มครองพระราชโอรสธิดาของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 ความขัดแย้งลามไปถึงการกล่าวหาว่าพระราชินีอิสซาเบลลาในพระเจ้าชาร์ลส์ ว่าทรงมีชู้และการลักพาตัวของพระราชโอรสธิดาของพระเจ้าชาร์ลส์ วิกฤติการณ์มาถึงจุดสุดยอดเมื่อดยุกแห่งเบอร์กันดีมีคำสั่งให้สังหารดยุกแห่งออร์เลอองส์ในปี ค.ศ. 1407

ฝักฝ่ายของผู้สนับสนุนของทั้งสองฝ่ายมารู้จักกันว่า “ฝ่ายอาร์มันญัค” (Parti armagnac) ที่เป็นฝ่ายสนับสนุนดยุกแห่งออร์เลอองส์ และ “ฝ่ายเบอร์กันดี” (Parti bourguignon) ที่เป็นฝ่ายสนับสนุนดยุกแห่งเบอร์กันดี

พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษพระเจ้าเฮนรีที่ 5 ทรงฉวยโอกาสระหว่างที่ฝรั่งเศสมีความขัดแย้งกันภายในในการยกทัพมารุกรานฝรั่งเศสและทรงได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดในยุทธการอาแฌงคูร์ต (Bataille d'Azincourt) ในปี ค.ศ. 1415 ที่ทำให้ทรงสามารถยึดดินแดนทางเหนือของฝรั่งเศสได้[7] เจ้าชายชาร์ลส์ทรงได้รับตำแหน่งเป็นมกุฎราชกุมาร (le Dauphin) เมื่อพระชนมายุได้ 14 พรรษาหลังจากที่พระเชษฐาทั้งสี่พระองค์ต่างสิ้นพระชนม์กันไปหมด[8] พระราชภารกิจแรกที่ทรงทำคือทรงตกลงสงบศึกในสนธิสัญญากับฝ่ายเบอร์กันดีในปี ค.ศ. 1419 ที่จบลงด้วยสถานะการณ์อันเลวร้ายเมื่อฝ่ายอาร์มันญัคสังหารจอห์นเดอะเฟียร์เลสส์ระหว่างการพบปะภายใต้คำสัญญาของเจ้าชายชาร์ลส์ว่าจะทรงรักษาความปลอดภัยให้แก่ดยุก ดยุกแห่งเบอร์กันดีคนใหม่ฟิลลิปเดอะกูดกล่าวหาเจ้าชายชาร์ลส์ทรงมีความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและหันไปเป็นพันธมิตรกับอังกฤษ ดินแดนส่วนใหญ่ทางด้านเหนือของฝรั่งเศสจึงตกไปเป็นของอังกฤษ[9]

ในปี ค.ศ. 1420 พระราชินีอิสซาเบลลาก็ทรงลงพระนามในสนธิสัญญาตรัวส์ (Traité de Troyes) ที่ระบุให้การสืบราชบัลลังก์ฝรั่งเศสตกไปเป็นของพระเจ้าเฮนรีที่ 5 และผู้สืบเชื้อสายจากพระองค์ ซึ่งเป็นการยกประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นแทนที่จะให้แก่เจ้าชายชาร์ลส์ผู้เป็นพระโอรสของพระองค์เอง ข้อตกลงนี้ทำให้ข่าวลือที่มีมาก่อนหน้านั้นว่าทรงเป็นชู้กับดยุกแห่งออร์เลอองส์ยิ่งฟังแล้วก็ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยใหม่ว่าเจ้าชายชาร์ลส์เป็นพระโอรสนอกกฎหมายและไม่ใช่พระราชโอรสที่แท้จริงของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6[10] ในปี ค.ศ. 1422 พระเจ้าเฮนรีที่ 5 และพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 เสด็จสวรรคตห่างกันเพียงสองเดือน พระเจ้าเฮนรีที่ 5 ทรงทิ้งให้พระเจ้าเฮนรีที่ 6 ผู้ยังทรงเป็นทารกเป็นผู้ครองสองอาณาจักรโดยมีจอห์นแห่งแลงคาสเตอร์ ดยุกแห่งเบดฟอร์ดที่ 1 พระอนุชาของพระองค์มีหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในฝรั่งเศส[11]

เมื่อต้นปี ค.ศ. 1429 ด้านเหนือของฝรั่งเศสเกือบทั้งหมดและบางส่วนทางด้านตะวันตกเฉียงไต้ก็ตกอยู่ในมือของชาวต่างประเทศ ฝ่ายอังกฤษปกครองปารีส ขณะที่ฝ่ายดัชชีแห่งเบอร์กันดีมีอำนาจในแรงส์ แรงส์มีความสำคัญเพราะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการทำพิธีราชาภิเษกกษัตริย์ฝรั่งเศส โดยเฉพาะในกรณีนี้ที่ผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์ฝรั่งเศสทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้เข้าทำพิธีสวมมงกุฎ ฝ่ายอังกฤษนำทัพเข้ามาทำการล้อมเมืองออร์เลอองส์ ซึ่งเป็นเมืองเดียวทางตอนเหนือของฝรั่งเศสในบริเวณลัวร์ที่ยังจงรักภักดีต่อฝ่ายฝรั่งเศส ที่ตั้งของออร์เลอองส์เป็นที่ตั้งสำคัญทางยุทธศาสตร์ที่เป็นจุดอุปสรรคสุดท้ายก่อนที่ทั้งฝรั่งเศสจะตกไปเป็นของอังกฤษ ตามคำบรรยายของนักประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่ว่า “ราชอาณาจักรฝรั่งเศสทั้งอาณาจักรขึ้นอยู่กับชะตาของออร์เลอองส์”[12] ซึ่งขณะนั้นก็ไม่มีผู้ใดที่หวังว่าออร์เลอองส์จะรอดจากการถูกยึดโดยฝ่ายอังกฤษได้[13]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ฌาน ดาร์ก http://www.library.eb.com.ezproxy.ae.talonline.ca/... http://www.authorama.com/book/jeanne-d-arc.html http://www.etapes.com/index.php?num=84&rub=forum&f... http://www.healthyplace.com/Communities/Thought_Di... http://www.ifrance.com/la-lorraine/Jeanne_Arc.htm http://www.imdb.com/title/tttt0421212/ http://www.jehanne-darc.com http://www.msnbc.msn.com/id/16257470/ http://www.nature.com/news/2007/070402/full/446593... http://www.stjoan-center.com/Album/part47.html